อาการไอเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมมาสร้างความระคายเคืองภายในช่องจมูกหรือระบบทางเดินหายใจ จึงทำให้ร่างกายเกิดการตอบสนองเป็นอาการไอเพื่อขับสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย ซึ่งอาการไอปกติทั่วไปมักเกิดได้กับผู้เป็นโรคหวัดหรือหวัดใหญ่ เนื่องจากมีการติดเชื้อไวรัสภายในทางเดินหายใจ เมื่อหายป่วยก็จะหยุดอาการไอไปได้
แต่หากอาการไอเกิดเป็นประจำหลายสัปดาห์จนกลายเป็นไอเรื้อรัง ก็อาจกระทบต่อการใช้วิถีชีวิตประจำวัน บุคลิกภาพไม่ดีและเป็นที่รังเกียจของคนรอบข้าง จึงจำเป็นต้องหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกทางโดยไว
ทั้งนี้ โรคไอเรื้อรัง สามารถแยกได้เป็นประเภทต่าง ๆ เช่น
- หากมีอาการไอบ่อย ๆ ควบคู่กับรู้สึกคันภายในลำคอ มีเสมหะทำให้กระแอมเรื่อย ๆ มีน้ำมูกใส ๆ เสียงหายหรือเสียงแหบ มักเกิดจากโรคภูมิแพ้ หรือทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาให้ตรงจุดต่อไป เช่น เกิดจากการแพ้ไรฝุ่นในห้องนอน แพ้ละอองเกสรดอกไม้จากการเปลี่ยนที่อยู่ หรือแพ้ควัน-สารเคมีที่เป็นมลพิษทางอากาศ เป็นต้น
- รู้สึกหายใจติดขัด หายใจเหนื่อย ร่วมกับอาการไอทุกครั้ง จะเป็นลักษณะของผู้ป่วยโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้ขั้นรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อใช้ยาสำหรับป้องกันหรือลดความถี่ของการเป็น ควบคู่กับการพกยาพ่นคอเพื่อขยายหลอดลมสำหรับใช้เมื่อมีอาการไอหนักและหอบแน่นหน้าอกเป็นครั้งคราว
- ไอเรื้อรัง พร้อมกับมีอาการแสบคอและแสบร้อนในหน้าอก มักเกิดจากกรดไหลย้อน เพราะน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารที่ขึ้นไปตามหลอดอาหาร (เนื่องจากหูรูดกระเพาะอาหารที่เชื่อมกับหลอดอาหารปิดไม่สนิท) ไปสร้างความระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในหลอดอาหาร ทำให้มีอาการไอเรื้อรังได้
- มีเลือดปนออกมากับเสมหะเมื่อไอ อาจเกิดจากวัณโรคหรือทางเดินหายใจติดเชื้อรุนแรง เป็นอาการไอเรื้อรังที่จำเป็นต้องรีบหาสาเหตุและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อโดยไว และอาจต้องใช้เวลารักษานานหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือนได้
- อาการไอเรื้อรังแบบไอเปียก หรือไอชนิดมีเสมหะมีเลือดปน หากไม่เกิดจากการติดเชื้อภายในทางเดินหายใจ หรือรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อแล้วไม่ดีขึ้น อาจต้องตรวจร่างกายโดยละเอียด เพราะอาจเกิดจากเนื้องอกหรือโรคมะเร็งในหลอดอาหาร มะเร็งปอดได้
- ไอแบบมีเสมหะสีเขียวเหลือง-มีเลือดปน ร่วมกับการเป็นไข้สูง หนาวสั่น หายใจหอบถี่ มักเป็นโรคปอดบวม หรือมีการติดเชื้อภายในขั้นรุนแรง ต้องรีบรักษาโดยด่วน
จะเห็นได้ว่าภาวะไอเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งทำให้มีอาการและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน จึงควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดเพื่อจัดการแก้ไขที่ต้นตอปัญหาอย่างถูกวิธีฃ
ขอบคุณภาพหน้าปก : https://www.freepik.com/free-photo/young-woman-coughing_2303305.htm